ในปี 1888 ดร.วอลเลซ ซี แอ๊บบอต แพทย์และเจ้าของร้านขายยาได้เริ่มผลิตยาจากสูตรทางวิทยาศาสตร์ที่แม่นยำ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้การรักษาที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นแก่ทั้งผู้ป่วยและแพทย์
ภายใต้การนำและการบุกเบิกของ ดร.แอ๊บบอต บริษัทของเราเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งแนวทางปฏิบัติทางวิทยาศาสตร์ในด้านเภสัชกรรม ซึ่งได้ขยายธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยการสนับสนุนงานวิจัยทางการแพทย์ในแขนงใหม่ๆ เราได้สร้างคตินิยมของการช่วยเหลือผู้คนทั่วโลกให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น โดยการเข้าถึงสิ่งใหม่ๆ ทั้งในด้านวิทยาศาสตร์และภูมิศาสตร์อย่างต่อเนื่อง
ประวัติของการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์
Dr. จิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการ การสร้างนวัตกรรม และความเอาใจใส่ของ ดร. แอ๊บบอต ยังคงอยู่ในวัฒนธรรมองค์กร การดำเนินธุรกิจ และความทุ่มเทในด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ คุณสามารถอ่านเรื่องราวที่นับได้ว่าเป็นการพลิกโฉมประวัติศาสตร์ ของเราตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้ต่อไปนี้
- ค.ศ.1888: การผลิตเม็ดยา “แอลคาลอยด์” โดย ดร. Wallace C. Abbott แพทย์เวชปฏิบัติอายุ 30 ปี เริ่มต้นขึ้นที่หลังร้านยา People’s Drug Store ที่ชิคาโก ตัวยาประกอบด้วยส่วนผสมออกฤทธิ์จากพืชและสมุนไพร ยอดขายรวมในปีแรกทะลุ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
- ค.ศ.1894: ก่อตั้งบริษัท Abbott Alkaloidal โดย Abbott เป็นทั้งผู้เผยแพร่เอกสารทางการแพทย์และผู้ผลิตยา
- ค.ศ.1907: ขยายธุรกิจนอกสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกด้วยการก่อตั้งสำนักงาน ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
- ค.ศ.1916: การผลิตยา Chlorazene (คลอราซีน) ซึ่งเป็นยาสังเคราะห์ตัวแรกของเรา และเป็นยาฆ่าเชื้อที่ทันสมัยพัฒนาขึ้นโดย ดร. เฮนรี่ ดาคิน นักเคมีชาวอังกฤษ เพื่อใช้รักษาทหารบาดเจ็บในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
- ค.ศ.1922: พัฒนา Butyn (บิวทิน) โดยนักวิทยาศาสตร์ชื่อ ดร. เอิร์นเนส โวลวิลเลอร์ และ ดร. โรเจอร์ อดัมส์ ซึ่งเป็นยาตัวแรกในกลุ่มยาชาที่มีการพัฒนามาอย่างยาวนานโดยบริษัทของเรา
- ค.ศ.1929: เริ่มเสนอขายหุ้นให้กับบุคคลทั่วไปเป็นครั้งแรกในปีที่ตลาดหุ้นตกต่ำและเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ แม้ว่าจังหวะเวลาจะดูไม่ค่อยดีนัก แต่หุ้นของบริษัทเรากลับมีมูลค่าเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่วันแรกของการซื้อขาย โดยมีมูลค่ามากขึ้นประมาณ 10,000 เท่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
- ค.ศ.1932: บริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ด้วยการเป็นผู้นำในสินค้าใหม่ๆ เช่น วิตามินและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับหลอดเลือด โดยนิตยสาร Nation’s Commerce เขียนไว้ว่า “มีองค์กรอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่สามารถแสดงประวัติอันแข็งแกร่งในปีที่ผ่านมาได้ดีกว่าแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส”
- ค.ศ.1935: เปิดตัวยา Pentothal (เพนโทธาล) ซึ่งกลายเป็นยาชาชั้นนำของโลกในหลายปีต่อมา และทำให้ ดร. โวลวิลเลอร์ และ ดร. โดนาลี ทาเบิร์น ได้รับเชิญเข้าสู่หอเกียรติยศ ในฐานะนักประดิษฐ์แห่งชาติของสหรัฐฯ
- ค.ศ.1942: Abbott เข้าร่วมสมาคมผู้ผลิตยาตามคำสั่งของรัฐบาล สหรัฐฯ เพื่อเพิ่มการผลิตเพนิซิลลินเพื่อใช้ในยามสงคราม เราช่วยกันเพิ่มการผลิตได้มากกว่า 20,000%
- ค.ศ.1959: บริษัทเริ่มนำโลโก้รูปตัว "A" ของ Abbott มาใช้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เชิงอุตสาหกรรมสุดคลาสสิกที่ยังคงเป็นรากฐานสำคัญของอัตลักษณ์ของเราจนถึงทุกวันนี้
- ค.ศ.1960: การปฏิรูปในช่วงทศวรรษ 1960 ในสมัยของ จอร์จ เคน ได้รับการ
พูดถึงใน
หนังสือขายดีปี 2001 ชื่อ Good to
Great: Why Some
Companies Make the
Leap... and Others Don’t โดยผู้เขียน จิม คอลลินส์ ได้เลือกบริษัทของเราเป็นหนึ่งใน 11 บริษัทจากทั้งหมด 1,435 แห่งที่มีผลิตภัณฑ์ บริการ คุณภาพขอแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส งองค์กรและบุคลากรที่ก่อให้เกิดผลการดำเนินงานที่ดีเยี่ยมอย่างแท้จริง
- ค.ศ.1964: เข้าซื้อกิจการ M&R Dietetics ที่มีสูตรนมผงยอดนิยม Similac ซึ่งทำให้เรากลายเป็นผู้นำด้านโภชนาการ
- ค.ศ.1972: การเปิดตัวเครื่องวิเคราะห์สารเคมีในเลือด ABA-100 รวมถึง Ausria ซึ่งเป็นการทดสอบด้วยวิธีด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์ที่ล้ำสมัยเพื่อตรวจหาโรคไวรัสตับอักเสบ และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจการตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการของเรา ซึ่งทำให้เรากลายเป็นผู้นำระดับโลกอย่างรวดเร็ว
- ค.ศ.1985: การอนุมัติการทดสอบที่ได้รับอนุญาตจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) เป็นครั้งแรกเพื่อตรวจหาเชื้อ HIV ในเลือด ซึ่งช่วยให้เลือดในคลังโลหิตมีความปลอดภัย นี่ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราและเป็นชัยชนะทางการแพทย์ครั้งใหญ่ครั้งแรกต่อภัยคุกคามที่ดูเหมือนจะไม่สามารถหยุดยั้งได้
- ค.ศ.1998: การเปิดตัว Glucerna ผลิตภัณฑ์กลุ่มธัญพืช เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และธัญพืชอัดแท่งสูตรเฉพาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้ที่มีข้อจำกัดในการบริโภคอาหารด้านอื่นๆ
- ค.ศ.2002: องค์การอาหารและยา (FDA) อนุมัติยา Humira ซึ่งเป็นยาโมโนโคลนอลแอนติบอดีที่เตรียมจากยีนของมนุษย์ ทั้งหมดตัวแรก ซึ่งจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ยาชั้นนำของโลก
- ค.ศ.2006: เปิดตัวสายสวนเพื่อการขยายหลอดเลือดโคโรนารี่ด้วยขดลวดเคลือบยาต้านตีบช้ำ Xience V และบริษัทยังคงพัฒนาเพื่อเป็นผู้นำตลาด
- ค.ศ.2010: เรายังคงมุ่งเน้นไปที่โลกาภิวัตน์ เนื่องจากเรากลายเป็นบริษัทยารายใหญ่ที่สุดในอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
- ค.ศ.2013: จุดเริ่มต้นของยุคใหม่สำหรับ Abbott ในฐานะบริษัทระดับโลกที่ให้ความสำคัญกับผู้บริโภคมากกว่าที่เคย เราได้สร้างบริษัทใหม่ที่ติดอันดับใน Fortune 200 ชื่อว่า AbbVie จากธุรกิจเกี่ยวกับยาที่เราเป็นเจ้าของ
- ค.ศ. 2014: Abbott สื่อสารภาพลักษณ์ใหม่ขององค์กรที่แข็งแกร่งด้วยคำขวัญ "Life. To The Fullest." (ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่) บริษัทส่งเสริมอัตลักษณ์ของตนเองให้ดูมีพลังมากกว่าที่เคย โดยโฆษณาให้กับผู้บริโภคทั่วโลก และเป็นผู้สนับสนุนงานวิ่งมาราธอน Abbott World Marathon Majors ซึ่งเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่มีโดดเด่นมากที่สุดของโลก
- ค.ศ.2014: เปิดตัวระบบตรวจกลูโคสอย่างต่อเนื่องที่ล้ำสมัยที่มีชื่อว่า FreeStyle Libre Abbott ปฏิวัติการดูแลโรคเบาหวานโดยทำให้ไม่ต้องคอยเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว1 ทุกวันอีกต่อไป
- ค.ศ. 2016: Abbott เปิดตัวระบบแรกในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Alinity ซึ่งเป็นระบบตรวจวินิจฉัยและให้ข้อมูลที่แสดงความก้าวหน้าด้านความน่าเชื่อถือ ต้นทุน ความสามารถ ความประหยัดพื้นที่ และการใช้งานง่าย เราสร้างอนาคตของห้องปฏิบัติการเพื่อการตรวจวินิจฉัย
- ค.ศ. 2017: Abbott ซื้อกิจการ St. Jude Medical ซึ่งเป็นการซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุด และเป็นการเพิ่มสิ่งประดิษฐ์ที่ก้าวหน้าและความเชี่ยวชาญอย่างกว้างขวางที่ครอบคลุมในด้านระบบหัวใจหลอดเลือดและนิวโรมอดูเลชัน ปัจจุบัน Abbott แข่งขันในเกือบทุกสาขาสุขภาพที่เกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด และครองอันดับ 1 หรือ 2 ในตลาดขนาดใหญ่และตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงมากมายหลายแห่ง
- ค.ศ.2017: Abbott ซื้อกิจการ Alere Inc., ทำให้ Abbott กลายเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยแบบ point-of-care เติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเพื่อการตรวจวินิจฉัย ปัจจุบัน Abbott ครองอันดับ 1 ด้านการทดสอบรวดเร็วสำหรับกลุ่มโรคคาร์ดิโอเมตาบอลิก โรคติดเชื้อ และพิษวิทยา
อนาคตที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้
เป็นเวลากว่า 135 ปีแล้วที่เราได้ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมด้านการดูแลสุขภาพที่มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยให้ความสำคัญกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ ซึ่งก็คือการช่วยเหลือผู้คนทั่วโลกให้มีสุขภาพที่ดีที่สุดตลอดทุกช่วงชีวิต และนั่นคือเป้าหมายที่เราจะมุ่งต่อไปในอนาคต
1การเจาะเลือดที่ปลายนิ้วเป็นกรรมวิธีที่จำเป็นสำหรับการวินิจฉัยการรักษา เมื่อเห็นสัญลักษณ์การตรวจสอบกลูโคสในเลือดเมื่ออาการไม่ตรงกับค่าที่อ่านได้ในระบบ เมื่อสงสัยว่าการอ่านค่าไม่แม่นยำ หรือเมื่อพบอาการที่อาจเกิดจากระดับกลูโคสในเลือดสูงหรือต่ำ
ติดตาม ABBOTT